จากการวิจัยเรื่องศักยภาพในการเรียนรู้ของเด็กๆ ทำให้เราได้ทราบว่า นิทานมีส่วนช่วยในการพัฒนากระบวนการคิด การจัดระบบ การเชื่อมโยงเรื่องราวของสมอง เซลล์สามองนับล้านเซลล์จะรวมตัวกันเพื่อสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบ นิทานมีส่วนช่วยให้เด็กจดจำข้อมูลต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น การสอดแทรงข้อมูลทางวิชาการเข้าในในนิทานจึงเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ช่วยกระตุ้นความสนใจของเด็ก ส่งผลให้จำได้ง่ายขึ้น มีความสุขและมีความกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น นิทานยังช่วยให้เ็กมีทักษะในการวิเคราะห์เรื่องราว สร้างเสริมจินตนาการ เปิดมุมมองใหม่ๆ และช่วยฝึกสมาธิของเด็กๆ ให้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานๆ และยังช่วยพัฒนาทักษะทางด้านภาษา เพราะพื้นฐานของความสามารถทางด้านภาษานั้นเกิดจากการฟังและพูดเป็นหลัก นานวันเข้าเด็กจะเริ่มเรียนรู้ที่จะเป็นผู้เล่านิทานตามจินตนาการที่ตนสร้างขึ้นด้วยตัวเอง เด็กๆ เรียนรู้ที่จะแสดงออกผ่านการเล่าเรื่อง การแสดงสีหน้าและท่าทาง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้เด็กๆ อีกด้วย
การเล่านิทานด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนของพ่อแม่ เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกัน พ่อแม่สามารถใช้ช่วงเวลานี้พูดคุย อบรมสั่งสอน สัมผัสโอบกอดลูกอย่างอบอุ่น จริยธรรม คุณธรรมที่สอดแทรกอยู่ในนิทานจะทำให้เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันดีๆ มีทัศนคติที่ดีต่อตัวเอง ต่อสังคม ต่อสิ่งแวดล้อม เป็นคนดีของสังคมที่น่ายกย่อง
นิทานจึงไม่ใช่แค่เรื่องสนุกๆ ที่ใช้เล่าเพื่อให้เด็กๆ หัวเราะหรือยิ้มอย่างมีความสุขเท่านั้น แต่เป็นสิ่งดีงามอันทรงคุณค่าที่เด็กๆ ทุกคนสมควรได้รับอย่างยิ่ง เพื่อที่พวกเขาจะเติบโตเป็นอนาคตของชาติสืบไป
ความสนุกสนานแห่งเทพนิยาย ที่จะช่วยสร้างสรรค์การเรียนรู้เปิดโลกแห่งจินตนาการ และปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้เด็ก ๆ อย่างยั่งยืน